อันตรายถึงชีวิต หากได้รับเลือดผิดกรุ๊ป
การให้เลือดผิดหมู่ (incompatible blood transfusion) เป็น ภาวะที่อันตรายถึงชีวิต และถือเป็นข้อผิดพลาดทางการแพทย์ที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วและรุนแรง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับจะเข้าโจมตีเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้บริจาคทันที
ความอันตรายหลักๆ ของการให้เลือดผิดหมู่ คือ ปฏิกิริยาฮีโมไลติกเฉียบพลัน (Acute Hemolytic Transfusion Reaction – AHTR) นี่คือปฏิกิริยาที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อแอนติบอดีในพลาสมาของผู้รับ (เช่น anti-A หรือ anti-B) เข้าจับกับแอนติเจนบนเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้บริจาค ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตกตัวอย่างรวดเร็ว (hemolysis) การแตกตัวนี้จะปล่อยสารต่างๆ ออกมาในกระแสเลือด ซึ่งก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น
ไข้สูงและหนาวสั่นอย่างรุนแรง
ปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดบริเวณที่ให้เลือด
แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำลงอย่างรวดเร็ว (ช็อก)
ปัสสาวะเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล (เนื่องจากมีฮีโมโกลบินรั่วออกมา)
ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury – AKI) เนื่องจากฮีโมโกลบินอิสระจะไปอุดตันในท่อไต
ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย (Disseminated Intravascular Coagulation – DIC) เป็นภาวะที่เลือดแข็งตัวผิดปกติทั่วร่างกาย ทำให้เกิดทั้งภาวะอุดตันและภาวะเลือดออกรุนแรง
ภาวะแทรกซ้อนทางปอดเฉียบพลัน (Acute Lung Injury – ALI) หรือ Acute Respiratory Distress Syndrome (ARDS) ทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวเสียชีวิต
ปฏิกิริยาฮีโมไลติกดีเลย์ (Delayed Hemolytic Transfusion Reaction – DHTR) ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นช้ากว่า AHTR โดยมักเกิดขึ้นภายใน 2-10 วันหลังการให้เลือดผิดหมู่ในปริมาณเล็กน้อย หรือในผู้ที่มีแอนติบอดีต่อหมู่เลือดรอง (ที่ไม่ใช่ ABO) ในระดับต่ำ อาการอาจไม่รุนแรงเท่า AHTR แต่ก็ยังคงเป็นอันตรายและอาจทำให้เกิด ไข้และดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) ระดับฮีโมโกลบินลดลง (โลหิตจาง) ปัสสาวะสีเข้มขึ้น
ปฏิกิริยาที่ไม่ใช่ฮีโมไลติก (Non-Hemolytic Transfusion Reactions) แม้จะไม่ใช่ปฏิกิริยาจากการทำลายเม็ดเลือดแดงโดยตรง แต่การให้เลือดผิดหมู่ก็อาจกระตุ้นปฏิกิริยาอื่นๆ ของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น
ปฏิกิริยาแพ้ (Allergic Reaction): อาจมีอาการผื่นคัน ลมพิษ บวม หรือหายใจลำบาก
ปฏิกิริยาไข้ขึ้นจากการให้เลือด (Febrile Non-Hemolytic Transfusion Reaction – FNHTR) มีไข้และหนาวสั่น แต่ไม่มีการทำลายเม็ดเลือดแดงอย่างมีนัยสำคัญ
ความสำคัญของการตรวจหมู่เลือดและการ Crossmatching
ความเสี่ยงของการให้เลือดผิดหมู่เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของการ ตรวจหมู่เลือด (Blood Typing) ทั้งของผู้ให้และผู้รับอย่างถูกต้องแม่นยำ และการทำ Crossmatching ก่อนการให้เลือดทุกครั้ง การ Crossmatching เป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อดูว่าเลือดของผู้บริจาคเข้ากันได้กับเลือดของผู้รับหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกัน
การให้เลือดผิดหมู่เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ปฏิกิริยาฮีโมไลติกเฉียบพลันเป็นภาวะที่อันตรายที่สุด ซึ่งเกิดจากการทำลายเม็ดเลือดแดงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะช็อก ไตวาย เลือดแข็งตัวผิดปกติ และอาจนำไปสู่การเสียชีวิต การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจหมู่เลือดและการ Crossmatching อย่างละเอียดและถูกต้องก่อนการให้เลือดทุกครั้ง